คลิกอ่านเรื่องย่อตอนละคร :

"...ทุกฝีเข็ม ทุกเส้นไหม ทุกลมหายใจ...ข้าขอพยาบาทจองเวรมันไปจนชั่วลูกชั่วหลาน...ขอสาปขอแช่งพวกมันไปจนชั่วนิรันดร์..."

เสียงสาปแช่งของ เจ้าสีเกด ดังก้องกังวานควบคู่ไปกับเสียงปักไหมในสะดึงขึ้นลงอย่างรวดเร็ว เพื่อแข่งกับแสงอาทิตย์ที่กำลังทอแสงขึ้นและยามนั้นชีวิตของเธอจะต้องลาจากไป แต่ความแค้นความพยาบาทยังคงฝังอยู่ในผืนผ้าที่สวยงาม พร้อมกับคำสาปแช่งที่ส่งไปชั่วลูกชั่วหลานของผู้ที่ทำให้เธอต้องเจ็บปวด !

ในอดีตกาล...เกิดเรื่องน่าสะพรึงขึ้นภายในวัง เมื่อเจ้าสาวถึงสามคนต้องสิ้นใจตายในวันแต่งงานของพวกเธออย่างปริศนา เสด็จในกรมฯเชื่อว่าสาเหตุของการตายต้องเกิดจาก "ผ้าตาดทอง" ที่เจ้าสาวทุกคนใส่ในวันงาน เสด็จในกรมฯจึงมีรับสั่งให้นำผ้าเจ้าปัญหาผืนนี้ไปเก็บไว้ในหีบให้มิดชิด เพื่อมิให้ผู้ใดต้องสังเวยชีวิตให้กับมันอีก

ปัจจุบัน...ไหมพิม หญิงสาวกำพร้าผู้ที่รักและชื่นชอบเรื่องผ้าโบราณเป็นชีวิตจิตใจได้รับความเมตตาจาก ปรีชญา เจ้าของร้านตาดทองให้เธอเข้าทำงานที่ร้านได้ทันที หลังจากที่ไหมพิมเรียนจบจากคณะพัสตราภรณ์

วันหนึ่งในขณะที่ไหมพิมกำลังง่วนกับการทำงานอยู่ในร้านตามลำพัง เพราะ นุช พนักงานอีกคนของร้านขอกลับบ้านเร็วเพื่อไปทำธุระส่วนตัว ชายลึกลับ ท่าทางเมาคนหนึ่งก็ก้าวเข้ามาในร้านพร้อมห่อผ้าสีขาว แล้วอาละวาดอยู่ในร้าน แต่โชคดีที่ พชร สถาปนิกหนุ่มเข้ามาช่วยไว้ได้ทัน ชายลึกลับจึงหนีไปแต่ก็ทำห่อผ้าสีขาวตกเอาไว้ และเมื่อไหมพิมเปิดดูห่อผ้า เธอก็พบผ้าตาดทองโบราณที่สวยงามมากผืนหนึ่ง

เมื่อ มณีกัญญา หุ้นส่วนร้านตาดทองอีกคนกับปรีชญารู้เรื่องชายลึกลับก็รีบมาที่ร้านทันที ไหมพิมจึงได้รู้ว่าพชรเป็นพี่ชายของมณีกัญญา มณีกัญญาโวยวายหาว่าไหมพิมก่อเรื่องให้ร้าน เพราะเธอไม่ค่อยชอบไหมพิมสักเท่าไหร่ แต่พอเธอเห็นผ้าตาดทองของชายลึกลับก็ชอบมากอยากจะเก็บเอาไว้เองโดยไม่ฟังเสียงคัดค้านของใครเลย ไหมพิมจึงต้องนำผ้าตาดทองไปเก็บไว้ในเซฟหลังร้านตามคำสั่งของมณีกัญญา และทันทีที่ตู้เซฟปิดลง วิญญาณของ "เจ้าสีเกด" ก็ปรากฏร่างขึ้น และยืนมองคนทั้งสี่ด้วยสายตาเคียดแค้น

คืนนั้นไหมพิมนำห่อผ้าสีขาวของชายลึกลับใส่ผ้าของร้านกลับไปซ่อมต่อที่บ้าน แล้วไหมพิมก็ฝันเห็นหญิงสาวในชุดไทยโบราณกำลังนั่งปักผ้าตาดทองอยู่ พร้อมกับสวดภาวนาอย่างโกรธเกรี้ยว แล้วพอหญิงผู้นั้นหันหน้ามา ไหมพิมก็เห็นหน้าของเธอนั้นเน่าเละเหมือนซากศพ

ไหมพิมสะดุ้งตื่นจากความฝัน แล้วเธอก็พบชายลึกลับคนเดิมกำลังงัดหน้าต่างบ้านของเธออยู่ ไหมพิมตกใจจนเป็นลมไป แต่โชคดีที่พชรตามไปที่บ้านของไหมพิมตามที่อยู่ที่ปรีชญาให้ เพราะเขาผิดสังเกตที่ไหมพิมไม่รับโทรศัพท์ พชรจึงพบไหมพิมนอนสลบอยู่ เขาเลยพาเธอส่งโรงพยาบาล

ทาวิธ นายตำรวจหนุ่มอนาคตไกล คู่หมั้นของปรีชญา รีบส่ง ภาติยะ ลูกน้องของเขามารับแจ้งความทันที เพราะทาวิธต้องการเอาใจไหมพิมเนื่องจากแอบชอบไหมพิมอยู่ แต่ทันทีที่ภาติยะพบไหมพิม เขาก็เกิดหลงรักหญิงสาวขึ้นมาอีกคน หลังจากนั้นเขาจึงหมั่นมาหาไหมพิมโดยเอาเรื่องคดีของชายลึกลับมาอ้างอยู่บ่อยๆ

มณีกัญญากลัวชายลึกลับจะกลับมาอีก เธอเลยเอาผ้าตาดทองออกจากตู้เซฟของร้านแล้วนำกลับไปที่บ้าน แต่เมื่อ คุณยายรตา ยายของมณีกัญญาและพชรเห็นเข้า ก็เกิดมีอาการตกใจกลัวอย่างมาก มณีกัญญาจึงนำผ้าไปฝากไว้ที่บ้านของปรีชญาแทน โดยให้ คุณยายรณี ยายของปรีชญาช่วยดูแลให้ แต่หลังจากนั้น ธง กับ มะลิ คนรับใช้เก่าแก่จอมจุ้น ก็เริ่มเห็นสิ่งประหลาดเกิดขึ้นในบ้านอยู่บ่อยๆ

เมื่อไหมพิมรักษาตัวจนหายดี พชรก็พาเธอไปอยู่ที่บ้านของปรีชญา เพราะปรีชญากับคุณยายรณีเป็นห่วงความปลอดภัยของไหมพิม ไหมพิมจึงยอมอยู่ด้วยความซาบซึ้งใจ แต่เมื่อทาวิธกลับมาจากต่างจังหวัด เขาก็รีบรุดมาเยี่ยมไหมพิมที่บ้านปรีชญาทันที แต่หญิงสาวไม่ได้คิดอะไรกับทาวิธเลย เธอคิดแต่ว่าทาวิธเป็นคู่หมั้นของผู้มีพระคุณเท่านั้น

ฝ่ายวิญญาณเจ้าสีเกดที่มากับผ้าตาดทองผืนเจ้าปัญหา และวนเวียนอยู่บ้านของปรีชญา พอได้เห็นหน้าคู่หมั้นของปรีชญาก็มีสีหน้าโกรธเกรี้ยวจนทำให้เกิดลมกรรโชกแรงอย่างหาสาเหตุไม่ได้ เพราะชาติที่แล้วทาวิธคือ "หม่อมทัด" ขุนนางตำรวจที่หลงรักเจ้าสีเกด หลานปู่ของ "เจ้าติสสะ" เจ้าเมืองเหนือ และมี "นางผิว" เป็นคนรับใช้ ตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็น และหลังจากนั้นเขาก็ตามจีบทำให้เจ้าสีเกดหลงรักเขาอย่างหัวปักหัวปำ

วันหนึ่ง...ทาวิธถูกยิงในขณะปฏิบัติหน้าที่ ทำให้เขาไม่สามารถเดินได้เป็นปกติอีกต่อไป ปรีชญาจึงขอให้ทาวิธไปอยู่ที่บ้านเธอเพื่อเธอจะได้ดูแลได้สะดวก โดยปรีชญาไม่รู้ว่าเป็นการเปิดโอกาสให้ทาวิธได้ใกล้ชิดกับไหมพิมมากยิ่งขึ้น ขณะเดียวกันเจ้าสีเกดก็สะกดให้ไหมพิมยั่วยวนทาวิธเพื่อหวังจะให้ความรักของทาวิธกับปรีชญาร้าวฉาน มณีกัญญาสังเกตเห็นท่าทีของไหมพิมที่มีต่อทาวิธก็รู้สึกหึงขึ้นมา เพราะมณีกัญญาเองก็แอบรักทาวิธมานานแล้ว เธอจึงพูดจาดูถูกและหาทางกลั่นแกล้งไหมพิมอยู่เสมอ ฝ่ายวิญญาณเจ้าสีเกดที่แอบดูอยู่นั้น ก็คิดว่ามณีกัญญายังมีจิตใจสกปรกเหมือนสมัยอดีตที่มณีกัญญาหรือ "หญิงโฉม" ในชาติที่แล้ว กับ "นางจวง" คนรับใช้ของหญิงโฉม คอยหาเรื่องแกล้งเจ้าสีเกดกับนางผิวอยู่เสมอ เพราะหญิงโฉมหมั่นไส้ที่เสด็จฯโปรดปรานการปักผ้าของเจ้าสีเกดมากกว่าตน แต่ "หญิงฉาย" หรือปรีชญาในชาติที่แล้วซึ่งเป็นน้องสาวผู้อ่อนโยนของหญิงโฉมก็มาคอยห้ามไม่ให้หญิงโฉมแกล้งเจ้าสีเกด

พชรได้ไปพบกับ แทนไท และ ภุมรี สองสามีภรรยาเจ้าของสายการบินชื่อดัง ซึ่งเป็นลูกค้าคนใหม่ของบริษัท เพราะแทนไทต้องการจ้างพชรให้ตกแต่งพิพิธภัณฑ์ผ้าโบราณให้กับภรรยาของเขาซึ่งชื่นชอบเรื่องผ้าโบราณมาก

พชรจึงไปขอความช่วยเหลือเรื่องข้อมูลผ้าโบราณจากปรีชญา แต่ปรีชญากำลังยุ่งกับการดูแลทาวิธ จึงให้พชรไปขอความช่วยเหลือจากไหมพิม พชรเลยได้ใกล้ชิดกับไหมพิมและเริ่มแอบรักไหมพิมอย่างเงียบๆ

ทาวิธไม่พอใจที่พชรกับไหมพิมใกล้ชิดกัน ในขณะที่ปรีชญาคิดว่าทาวิธหงุดหงิดเพราะเดินไม่ได้เหมือนเก่า เธอเลยจะพาเขาไปพักผ่อนที่เชียงใหม่ในช่วงปีใหม่ มณีกัญญาขอไปด้วยโดยอ้างว่าจะไปดูผ้าโบราณเข้าร้าน แต่ความจริงแล้วเธอต้องการใกล้ชิดทาวิธต่างหาก

คืนก่อนวันเดินทาง ปรีชญาจัดงานเลี้ยงปีใหม่ขึ้นที่บ้าน แล้วคุณยายรณีก็เกิดเป็นลมกะทันหันหลังจากเห็นสิ่งผิดปกติที่เกิดจากผ้าตาดทอง ปรีชญาเลยขอให้พชรมาอยู่ที่บ้านเป็นเพื่อนคุณยายรณีและไหมพิมในช่วงที่เธอไม่อยู่ พชรเต็มใจเป็นอย่างยิ่ง

แต่คืนนั้นเองไหมพิมก็ได้ยินเสียงดังมาจากชั้นล่าง จึงรีบลงไปดูด้วยความลืมตัวว่าอยู่ในชุดนอน แล้วเธอก็พบทาวิธยืนรออยู่ ทาวิธจึงนำผ้าตาดทองที่ตกอยู่มาห่มให้หญิงสาว ทำให้เจ้าสีเกดสามารถเข้าสิงร่างไหมพิมได้ และสะกดให้ไหมพิมจูบทาวิธอย่างเร่าร้อน พชรเดินเข้ามาเห็นพอดี พชรเสียใจกับภาพที่เห็นเป็นอย่างมาก เขาไม่อยากจะเชื่อเลยว่าไหมพิมจะกล้าหักหลังปรีชญาได้ลงคอ แต่พชรก็ไม่อยากจะให้ปรีชญาเสียใจ เขาจึงคิดจะเก็บเรื่องที่เห็นไว้เป็นความลับ โดยไม่รู้เลยว่าหลังจากที่เขาเดินกลับเข้าห้องไปอย่างเงียบๆ นั้น วิญญาณของเจ้าสีเกดก็ออกจากร่างของไหมพิม ทำให้ไหมพิมเป็นลมไปทันทีโดยที่ไม่รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง ในขณะที่ทาวิธก็ย่ามใจว่าไหมพิมก็แอบมีใจให้กับเขาเหมือนกัน

หลังจากเหตุการณ์ในคืนนั้น พชรก็มีท่าทีเหินห่างและคอยหลบหน้าไหมพิมอยู่ตลอดเวลา ไหมพิมไม่เข้าใจว่าพชรเป็นอะไรไปจึงหาโอกาสดักพบเพื่อปรับความเข้าใจกับเขา พชรจึงถือโอกาสนี้เตือนไหมพิมว่าไม่ให้หักหลังปรีชญา ไหมพิมเสียใจที่พชรเข้าใจตนผิด แล้วคืนนั้นไหมพิมก็ร้องไห้ด้วยความเสียใจจนหลับไปบนผ้าตาดทอง เธอจึงฝันเห็นภาพปรีชญากับทาวิธในอดีตชาติ ในขณะที่กำลังทำพิธีแต่งงานกัน เมื่อตื่นขึ้นมาไหมพิมก็คิดว่าที่ตนฝันเห็นไปนั้น เป็นเพราะหมกมุ่นคิดอยู่แต่กับเรื่องของปรีชญาและทาวิธจนเก็บเอาไปฝัน จึงไม่ติดใจอะไร

ส่วนพชรก็ผิดหวังในตัวไหมพิมมากจนเกือบจะเก็บเสื้อผ้ากลับบ้าน เพราะเขาเห็นว่าคุณยายรณีหายดีแล้ว แต่เจ้าสีเกดต้องการจะปั่นหัวให้ทาวิธหึงพชร เธอเลยสิงให้ไหมพิมนำมีดไปปักหน้าบ้าน พอตอนเช้าพชรพบมีดปักอยู่ที่หน้าบ้านเขาก็ตกใจมาก จึงรีบเรียกภาติยะให้มาตรวจ ภาติยะสันนิษฐานว่าน่าจะเป็นฝีมือของชายลึกลับที่ตามมาขู่ไหมพิมเรื่องผ้าโบราณ พชรจึงอดเป็นห่วงไหมพิมไม่ได้ เลยตัดสิน ใจอยู่ที่บ้านปรีชญาต่อไป

ปรีชญาโทรไปบอกไหมพิมว่าต้องเลื่อนการกลับกรุงเทพฯออกไปอีก เพราะมณีกัญญาอ้างว่าจะต้องไปคุยเรื่องผ้าโบราณกับเจ้านางท่านหนึ่ง

ขณะเดียวกันที่กรุงเทพฯก็มีฝนตกหนัก พชรที่เพิ่งกลับจากไปทานข้าววันปีใหม่บ้านแทนไท จึงต้องย้ายไปนอนในห้องของปรีชญาแทน เนื่องจากห้องนอนของเขามีน้ำรั่วซึม แล้วสิ่งที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นเมื่อโคมไฟในห้องของปรีชญาเกิดตกลงมาใส่พชรอย่างจัง จนกระดูกซี่โครงหัก 2 ซี่ ทำให้ไหมพิมต้องคอยช่วยดูแลพชรอย่างใกล้ชิด ถึงแม้ว่าเขากับเธอจะมีเรื่องบาดหมางใจกันอยู่ก็ตาม

ทาวิธ มณีกัญญา และปรีชญารีบรุดกลับมาเยี่ยมพชรที่โรงพยาบาลทันทีที่กลับจากเชียงใหม่ ไหมพิมพยายามเหินห่างจากทาวิธเพราะไม่อยากให้ใครเข้าใจเธอผิดอีก แต่ถึงยังไงเจ้าสีเกดก็ยังคอยสิงร่างให้ไหมพิมคอยยั่วยวนทาวิธอยู่เสมอ

ไหมพิมแสดงอาการโกรธเกรี้ยวอย่างรุนแรงเมื่อรู้ว่าจะต้องคืนผ้าตาดทองให้กับ แก้วใจ ทายาทของ คุณยายตลับ เจ้าของผ้าที่แท้จริงไป แต่เมื่อภาติยะบอกว่าบางทีผ้าตาดทองผืนนี้อาจจะไม่ใช่ของคุณยายตลับก็ได้ ไหมพิมก็อารมณ์ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดทันที ทำให้พชรแปลกใจเป็นอย่างมาก

ไหมพิมถ่ายรูปผ้าตาดทองโบราณเป็นที่ระลึก ก่อนที่มณีกัญญาจะนำผ้าโบราณหลายผืนมาวางรวมกันเพื่อให้แก้วใจสับสน แต่แก้วใจก็สามารถชี้ผ้าได้ถูกผืน ทำให้ทั้งมณีกัญญาและไหมพิมไม่พอใจอย่างมากที่ต้องคืนผ้าตาดทองให้แก้วใจไป

ฝ่ายแก้วใจก็ขอให้ภาติยะเก็บผ้าตาดทองไว้ให้ก่อน เพราะเธอกลัวมณีกัญญาจะขโมยไป ภาติยะจึงนำผ้าตาดทองไปฝากไว้กับไหมพิมเพื่อหวังจะเอาใจ เจ้าสีเกดเลยฉวยจังหวะนี้เข้าสิงร่างไหมพิมแล้วให้ไหมพิมจูบภาติยะเป็นการขอบคุณ แล้วไหมพิมก็เอาผ้าตาดทองกลับไปที่บ้านปรีชญาโดยไม่ให้ใครรู้

คืนนั้นวิญญาณเจ้าสีเกดในร่างไหมพิม ก็นั่งลูบไล้ลวดลายบนผ้าตาดทองที่ตัวเองปักอย่างหลงใหล แล้วเจ้าสีเกดก็นึกถึงเรื่องในอดีตที่ฝีมือการปักผ้าของเธอโด่งดังไปทั่ววัง หม่อมทัดเลยขออนุญาตเจ้าติสสะให้เจ้าสีเกดไปสอนปักผ้าให้ หญิงทิพย์ น้องสาวของหม่อมทัดบ้าง ซึ่งเจ้าติสสะก็อนุญาต หม่อมทัดเลยทำหน้าที่สารภีรับส่งเจ้าสีเกด จนกระทั่งทั้งสองลักลอบมีอะไรกันที่กระท่อมท้ายสวนในที่สุด

เช้าวันใหม่ ไหมพิมตื่นขึ้นโดยจำเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อวานที่ถูกเจ้าสีเกดสะกดให้ทำไปไม่ได้เลย ขณะเดียวกันพชรก็ตัดสินใจพาไหมพิมไปพบแทนไทกับภุมรี เพราะภุมรีอยากพบเด็กรุ่นใหม่ที่สนใจเรื่องผ้าโบราณ และเมื่อไหมพิมได้พบหน้าแทนไท วิญญาณเจ้าสีเกดที่สิงร่างไหมพิมอยู่ก็ตกใจสุดขีด แล้วแสดงอาการเกรี้ยวกราดกับแทนไท เพราะในชาติที่แล้วแทนไทคือ พระมหาโมฬี พระที่เคยมีเรื่องรุนแรงกับเจ้าสีเกดมาเมื่อชาติที่แล้วนั่นเอง พชรรีบขอโทษใหญ่ แต่แทนไทไม่ถือกลับสั่งให้พชรดูแลไหมพิมอย่างใกล้ชิด

ขณะเดียวกันหลังจากที่เจ้าสีเกดได้พบแทนไทก็ทำให้เธอมีพลังอ่อนลง จนไม่สามารถเข้าร่างไหมพิมได้อีกก็โมโหมาก ธงกับมะลิเลยได้ยินเสียงร้องอย่างโหยหวนและกราดเกรี้ยวของผู้หญิงหลายคืนติดต่อกันจนทำให้เป็นไข้

ฝ่ายภาติยะก็คิดว่าไหมพิมรักเขา เลยคิดจะพาไหมพิมเข้าโรงแรม แต่ไหมพิมขัดขืน พชรที่เฝ้าติดตามไหมพิมก็มาช่วยไว้ได้ เขาเลยขู่ภาติยะว่าไม่ให้มายุ่งกับไหมพิมอีก ทำให้ภาติยะไม่พอใจ เขาจึงขอผ้าตาดทองคืนจากไหมพิม แต่เจ้าสีเกดก็สะกดให้ไหมพิมนำผ้าตาดทองผืนปลอมไปคืนให้ภาติยะแทนโดยที่ชายหนุ่มไม่รู้

ไหมพิมยังเสียใจและเครียดเรื่องที่ภาติยะพาเธอเข้าโรงแรมจนร่างกายอ่อนแอ วิญญาณเจ้าสีเกดเลยกลับเข้าไปสิงร่างของไหมพิมได้อีกครั้ง

แทนไทที่นั่งสมาธิดูก็เห็นว่าเจ้าสีเกดเข้าสิงร่างไหมพิมอีก จึงรีบเดินทางมาที่บ้านปรีชญาเพื่อจะช่วยเหลือไหมพิม แต่เมื่อก้าวเข้ามาในบ้านก็ต้องผงะ เมื่อเห็นเมฆหมอกสีดำของอำนาจลี้ลับลอยอยู่ทั่วบ้าน แทนไทจึงแน่ใจว่าต้องมีสิ่งไม่ดีบางอย่างอยู่ในบ้านหลังนี้

มณีกัญญาแวะมาหาปรีชญาที่บ้านพอดี ทั้งหมดจึงนั่งคุยกัน สักพักมณีกัญญาก็ลุกขึ้นไปเพื่อหาน้ำดื่ม ในเวลาเดียวกันแทนไทได้รู้จากคุณยายรณีว่าเมื่อคืนไหมพิมลงมาทำอะไรบางอย่างที่ตู้เย็น แทนไทนึกสังหรณ์ใจจึงรีบวิ่งไปห้ามมณีกัญญาไม่ให้เปิดตู้เย็นแต่ไม่ทันแล้ว เพราะพอมณีกัญญาเปิดขวดน้ำอัดลม เธอก็ถูกขวดน้ำอัดลมระเบิดใส่มือจนเลือดสาด

เวลาเดียวกันภาติยะก็มาบอกว่ามีดที่ปักอยู่หน้าบ้านนั้นเต็มไปด้วยรอยนิ้วมือของไหมพิม แต่ไหมพิมยืนยันว่าเธอไม่รู้เรื่องอะไรเลย คุณยายรณีจึงคิดว่าไหมพิมเป็นคนสองบุคลิก จึงขอร้องให้ไหมพิมไปพบจิตแพทย์ ไหมพิมจึงจำใจไปเพื่อความสบายใจของทุกคน

ต่อมาทาวิธพาไหมพิมไปดูศพของชายลึกลับที่ถูกงูกัดตายที่บ้านร้างแห่งหนึ่ง และเมื่อภาติยะพาญาติผู้ตายเข้ามา ไหมพิมจึงรู้ว่าชายลึกลับคนนั้นคือสามีของแก้วใจ หลานสาวของคุณยายตลับเจ้าของผ้าตาดทองนั่นเอง แก้วใจไม่อยากจะเชื่อว่าสามีจะฆ่ายายของเธอเพื่อจะขโมยผ้าตาดทองไป

แล้วคืนนั้นเจ้าสีเกดก็สะกดให้ไหมพิมลงมาหาทาวิธอีก และทำให้ไหมพิมยั่วยวนทาวิธจนทั้งสองเกือบจะมีอะไรกัน แต่ปรีชญาเข้ามาเห็นเสียก่อน เจ้าสีเกดรีบออกจากร่างไหมพิมทำให้ไหมพิมรู้สึกตัวขึ้นและรู้เรื่องเข้า ไหมพิมรีบปฏิเสธว่าเธอไม่รู้เรื่อง แต่ปรีชญาไม่เชื่อและต่อว่าไหมพิมว่าเป็นคนอกตัญญู ไหมพิมเสียใจมากจึงวิ่งหนีออกจากบ้านไป ฝ่ายปรีชญาก็ขอเลิกกับทาวิธ ทาวิธจึงต้องย้ายกลับไปอยู่บ้านตัวเอง และได้รู้ใจตัวเองว่าแท้จริงแล้วเขารักปรีชญามากแค่ไหน ซึ่งทำให้เจ้าสีเกดสะใจเป็นที่สุดที่เห็นทาวิธกับปรีชญาต้องร้าวฉานกัน

แทนไทบอกพชรว่าไหมพิมถูกบางอย่างครอบงำอยู่ และคิดว่าสิ่งนั้นมาจากผ้าตาดทอง พชรจึงออกตามหาไหมพิมจนพบ พชรบอกไหมพิมในสิ่งที่แทนไทบอกเขา และพชรก็ขอให้เธอสวมสร้อยพระเอาไว้เพื่อป้องกันไม่ให้สิ่งลี้ลับครอบงำเธอได้อีก แล้วพชรก็ชวนไหมพิมเดินทางไปหาแก้วใจ เพื่อรีบหาที่มาของผ้าตาดทองก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป

ที่บ้านของคุณยายตลับ...พชรกับไหมพิมพบรูปถ่ายแต่งงานของหญิงโบราณคนหนึ่งที่หน้าเหมือนปรีชญามาก แล้วหลังรูปก็เขียนไว้ว่า "หม่อมเจ้าหญิงจันทร์จรัสเรขา ห่มผ้าตาดทองของเจ้าสีเกด" และผ้าที่หม่อมเจ้าหญิงท่านนั้นห่ม ก็คือผ้าตาดทองเจ้าปัญหาผืนนั้นนั่นเอง

ไหมพิมบอกพชรเรื่องความฝันที่เธอเคยเห็นหญิงโบราณนั่งปักผ้าตาดทองด้วยความโกรธ ไหมพิมเลยแน่ใจว่าหญิงคนนั้นต้องเป็นเจ้าสีเกดแน่นอน และยังเล่าที่เธอฝันเห็นภาพปรีชญาและทาวิธแต่งงานกัน แต่ทั้งสองไม่เข้าใจว่าทำไมเจ้าสีเกดถึงต้องปักผ้าตาดทองด้วยความโกรธ และทาวิธกับปรีชญามีความสัมพันธ์กับเจ้าสีเกดอย่างไร แล้วทำไมเจ้าสีเกดถึงต้องพยายามทำให้ทาวิธกับปรีชญาเข้าใจกันผิดด้วย พชรกับไหมพิมจึงตัดสินใจพากันไปหาแทนไท เพราะเชื่อว่าแทนไทน่าจะช่วยให้ความกระจ่างในเรื่องนี้ได้บ้าง

ที่บ้านแทนไท หนุ่มใหญ่ได้แนะนำให้ไหมพิมนั่งสมาธิเพื่อจะสื่อสารกับเจ้าสีเกดว่าต้องการอะไร ไหมพิมจึงลองนั่งสมาธิตามที่แทนไทบอกอย่างยากลำบาก จนได้เห็นภาพเรื่องราวในอดีตว่าเจ้าสีเกดลักลอบมีอะไรกับหม่อมทัดหรือทาวิธในชาติที่แล้วจนเจ้าสีเกดตั้งท้อง แล้วหม่อมทัดก็ทิ้งเจ้าสีเกดไปเพื่อจะไปแต่งงานกับหญิงฉาย

แต่หญิงโฉมก็เกิดมารู้ความลับเรื่องที่เจ้าสีเกดท้องเข้าเสียก่อน เธอเลยประจานเจ้าสีเกดไปทั่ว ทำให้เจ้าสีเกดอับอายมาก ประกอบกับเจ้าติสสะมาตรอมใจตายเพราะผิดหวังในตัวหลานสาวซ้ำเข้าไปอีก นางผิวสงสารเจ้าสีเกดที่ต้องทุกข์ใจมาก เธอเลยพาเจ้าสีเกดไปทำเสน่ห์กับหมอผีเพื่อหวังให้หม่อมทัดกลับมาหลงใหลเจ้าสีเกดอีกครั้ง

หญิงฉายกับหญิงโฉมสงสัยว่าหม่อมทัดถูกเจ้าสีเกดทำเสน่ห์ยาแฝด ทั้งสองเลยไปขอความช่วยเหลือจากพระมหาโมฬีหรือแทนไทในชาติที่แล้ว แล้วพระมหาโมฬีก็ช่วยแก้เสน่ห์ให้หม่อมทัดจนสำเร็จ ทำให้นางผิวกับหมอผีถูกตัดสินประหารชีวิต ส่วนเจ้าสีเกดยังต้องรอให้คลอดลูกแล้วค่อยถูกประหาร ทำให้เจ้าสีเกดอยู่อย่างเดียวดายและทุกข์ใจเป็นที่สุด

แล้วไหมพิมก็ออกจากสมาธิอย่างอ่อนแรง แล้วก็พบแต่ภุมรี เพราะแทนไทกับพชรไปสถานีตำรวจเพื่อไปขอดูผ้าตาดทองซึ่งแทนไทมั่นใจว่าอาถรรพ์ต้องอยู่ในผ้าผืนนั้นอย่างแน่นอน

ภาติยะยอมนำผ้ามาให้พชรและแทนไทดู แต่กลับพบว่าผ้าที่เก็บไว้ไม่ใช่ผ้าตาดทองผืนจริง พชรกับแทนไทจึงกลับไปหาไหมพิมเพื่อจะถามว่าผ้าตาดทองผืนจริงอยู่ที่ไหนกันแน่ แต่พอพชรกับแทนไทไปถึงบ้าน ภุมรีก็บอกว่าไหมพิมออกไปเก็บของที่บ้านของปรีชญา พชรเลยรีบตามไหมพิมไป

และในขณะที่ไหมพิมกำลังอยู่บนรถแท็กซี่เพื่อไปบ้านปรีชญานั้น เธอก็ได้ยินเสียงเจ้าสีเกดกระซิบบอกให้รีบกลับไปที่บ้านซ้ำไปซ้ำมา จนไหมพิมปวดหัวอย่างรุนแรง

ในขณะเดียวกันมณีกัญญาที่รู้ว่าทาวิธกับปรีชญาเลิกกันแล้ว เธอก็เลยไปเอาใจทาวิธเพื่อหวังจะชนะใจเขา แต่กลับถูกทาวิธปฏิเสธกลับมา มณีกัญญาโกรธจัดคิดว่าทาวิธยังรักไหมพิมอยู่ มณีกัญญาจึงมาที่บ้านปรีชญาแล้วรื้อข้าวของไหมพิมโยนออกไปนอกบ้านด้วยความโมโห ทำให้พบผ้าตาดทองที่ไหมพิมซ่อนเอาไว้

พอไหมพิมมาถึงเธอก็ปฏิเสธว่าไม่รู้เรื่องผ้าตาดทองที่ถูกซ่อนเอาไว้อย่างมิดชิดเลย แต่มณีกัญญาไม่เชื่อ กลับโวยวายด่าและตบไหมพิมจนสร้อยพระขาดกระเด็น ทันใดนั้นเจ้าสีเกดก็เข้าสิงร่างไหมพิมได้อีกครั้ง จึงหันกลับมาตบตีแย่งผ้าตาดทองกับมณีกัญญาจนผ้าขาดเป็นสองท่อน ไหมพิมโกรธมาก เข้าไปบีบคอมณีกัญญาจนมณีกัญญาเกือบขาดใจตาย แต่พอดีพชรเข้ามาช่วยไว้ทันและรู้ว่าวิญญาณของเจ้าสีเกดเข้าสิงร่างของไหมพิมได้อีกแล้ว เจ้าสีเกดในร่างไหมพิมวิ่งหนีไปพร้อมกับผ้าตาดทองส่วนที่ขาดครึ่งหนึ่งด้วย

เจ้าสีเกดพาร่างไหมพิมมายังป่าช้าแห่งหนึ่ง และนำผ้าตาดทองส่วนที่ขาดอีกครึ่งหนึ่งฝังไว้ในดินเพื่อไม่ให้ใครมาทำลายได้

พชรเป็นห่วงไหมพิมมาก และเมื่อแทนไทได้เห็นผ้าตาดทองที่ขาดก็ถึงกับผงะด้วยกลิ่นเหม็นอบอวลที่เขาได้กลิ่นเพียงคนเดียว แทนไทจึงนึกเอะใจเลยขอให้มณีกัญญาเลาะเส้นไหมที่ปักลายบนผ้าตาดทองออก แล้วทุกคนก็ต้องตะลึงเมื่อพบเศษดินที่เหม็นเน่าและเส้นผมของคนอยู่ข้างใน เพราะหลังจากที่หม่อมทัดหายจากฤทธิ์เสน่ห์มนต์ดำดีแล้วก็ได้มาหาเจ้าสีเกด และขอร้องให้เจ้าสีเกดทอผ้าตาดทองให้หญิงฉายใส่ในวันแต่งงานเพื่อเป็นการแสดงความมีน้ำใจ เพราะวันหนึ่งที่เจ้าสีเกดคลอดลูก ลูกของเจ้าสีเกดก็จะต้องอยู่ในความดูแลของหญิงฉาย ส่วนเจ้าสีเกดก็ต้องรับโทษถูกประหารชีวิตไป

เจ้าสีเกดไม่คิดจะยกลูกให้ใคร และโกรธแค้นในความรักจอมปลอมของหม่อมทัดเป็นอันมาก จึงนั่งปักผ้าและนำดินจากหลุมฝังศพและเส้นผมของตัวเองใส่ลงไปในผ้า แล้วหยดเลือดตัวเองลงไปที่ลายปักพร้อมกับสาปแช่งว่า ขอให้ทั้งหญิงฉายและลูกหลานของหม่อมทัดกับหญิงฉายที่ได้ห่มผ้าผืนนี้แล้วต้องมีอันเป็นไปทุกคน และเมื่อเจ้าสีเกดทอผ้าตาดทองเสร็จก็ผูกคอตายไปพร้อมกับลูกในท้อง

พชรเลยยิ่งอยากรู้ว่าต่อมาเกิดอะไรขึ้นกับผ้า เพื่อที่เขาจะได้หาทางช่วยไหมพิมได้ พอมณีกัญญาบอกเรื่องที่แก้วใจเคยบอกว่าคุณยายตลับเจ้าของผ้าตาดทองเคยรับใช้เสด็จในกรมฯ พชรจึงตัดสินใจไปหาคุณยายรตา เพราะคุณยายรตาก็เคยรับใช้เสด็จในกรมฯเหมือนกัน

คุณยายรตาจำคุณยายตลับได้ เนื่องจากเป็นผู้ที่ขโมยผ้าตาดทองออกไปจากหีบ หลังจากที่คุณยายรตานำผ้าไปเก็บไว้ตามคำสั่งของเสด็จในกรมฯ เพราะผ้าผืนนั้นทำให้คู่บ่าวสาวต้นตระกูลของเธอทุกคนที่ห่มผ้าตาดทองผืนนี้ในวันแต่งงานต้องตายอย่างมีปริศนา พชรจึงเข้าใจว่าเจ้าสีเกดต้องการจะฆ่าปรีชญานั้นเอง

ขณะเดียวกันนั้นเจ้าสีเกดก็กำลังใช้ร่างของไหมพิมตามไปฆ่าปรีชญาถึงที่บ้าน แต่โชคดีที่พชรมาช่วยไว้ได้ทัน เขาจึงนำสร้อยพระใส่ให้ไหมพิมไว้ เจ้าสีเกดเลยต้องออกจากร่างของไหมพิมไป แล้วพชรก็พาไหมพิมไปรักษาตัวที่โรงพยาบาล และพอไหมพิมฟื้นขึ้นมา แทนไทก็รีบให้ไหมพิมบอกว่าผ้าตาดทองส่วนที่เหลืออีกครึ่งอยู่ที่ไหน เพราะเขาต้องการทำลายมันก่อนที่จะเกิดเรื่องร้ายแรงอะไรไปมากกว่านี้ แต่ไหมพิมก็จำได้แค่ว่าตัวเองไปในป่าช้าแห่งหนึ่งที่มีลักษณะเฉพาะบางอย่าง ซึ่งพชรคิดว่าน่าจะเป็นป่าช้าในวัดบริเวณวังเก่าที่เจ้าสีเกดเคยอยู่ แล้วแทนไทกับพชรก็รีบไปที่วัดเพื่อขุดหาผ้าทันที

แต่ในระหว่างที่พชรพยายามจะขุดหาผ้าเจ้าปัญหาอยู่นั้น ไหมพิมก็ต้องถอดสร้อยพระออกเพื่อเอ็กซเรย์ปอด เจ้าสีเกดจึงกลับเข้ามาสิงร่างของไหมพิมได้อีก แล้วเจ้าสีเกดในร่างของไหมพิมก็สั่งให้พยาบาลช่วยโทรบอกให้ทาวิธมาหาไหมพิมที่โรงพยาบาลหน่อย ระหว่างที่พยาบาลออกไปโทรหาทาวิธ เจ้าสีเกดในร่างไหมพิมก็ลากตัวปรีชญาที่แวะมาเยี่ยมไหมพิมขึ้นไปบนดาดฟ้าเพื่อจะฆ่าทิ้ง เพราะเจ้าสีเกดอยากให้ทาวิธหรือหม่อมทัดในชาติที่แล้วได้รู้รสความเจ็บปวดที่ต้องสูญเสียคนรักไป

เจ้าสีเกดในร่างไหมพิมพยายามจะผลักปรีชญาให้ตกตึก แต่โชคดีที่ปรีชญาหลบทัน ทาวิธรีบโผเข้าไปกอดปรีชญาด้วยความรักและเป็นห่วง ทำให้เจ้าสีเกดยิ่งโกรธแค้นใหญ่ เลยจะผลักทั้งปรีชญาและทาวิธให้ตกตึกตายพร้อมกันไปเสียเลย

แล้วจู่ๆ เจ้าสีเกดในร่างไหมพิมก็สะดุ้งสุดตัว พร้อมร้องตะโกนอย่างเจ็บปวดว่าร้อน เพราะในขณะนั้นแทนไทก็กำลังสวดมนต์พร้อมกับทำพิธีเผาผ้าอยู่ที่บ้านของคุณยายรตา ทำให้วิญญาณของเจ้าสีเกดหลุดออกจากร่างของไหมพิมไปอย่างกะทันหัน ทำให้ไหมพิมหมดสติไปแล้วเซจะตกตึก แต่พชรมาคว้าตัวไหมพิมเอาไว้ได้อย่างหวุดหวิด

เวลาผ่านไป...ทุกคนเดินทางไปที่วัดเพื่อทำพิธีหล่อพระประธาน โดยแทนไทนำทองออกมาจากผ้าตาดทองส่งให้ไหมพิมหล่อรวมเข้าไปกับพระประธานด้วย เพื่อให้บุญกุศลส่งไปถึงเจ้าสีเกด และขอให้วิญญาณของเจ้าสีเกดอโหสิกรรมให้กับทุกคนและไปสู่สุคติ

ส่วนทาวิธก็ตัดสินใจบวชให้เจ้าสีเกดเพื่อชดใช้ในสิ่งที่เขาทำไม่ดีกับเธอในชาติที่แล้ว และเมื่อสึกแล้วเขาก็จะกลับมาแต่งงานกับปรีชญาตามที่ตั้งใจไว้แต่เดิม ส่วนมณีกัญญาก็ยินดีกับปรีชญาเพราะเธอได้รู้แล้วว่าทาวิธรักปรีชญาคนเดียว และมณีกัญญาก็ยังเข้าใจไหมพิมมากขึ้นว่า ความจริงแล้วไหมพิมเป็นคนดี เธอก็เลยเปิดโอกาสให้ไหมพิมรักกับพชร

ในงานเปิดพิพิธภัณฑ์ผ้าโบราณของแทนไทและภุมรี เหล่าแขกเหรื่อต่างชื่นชมในฝีมือการตกแต่งสถานที่ของพชรกันอย่างมาก แต่พชรกลับยกย่องความดีทั้งหมดให้ไหมพิมคู่หมั้นของเขา

ไหมพิมได้บอกกับแขกที่มาในงานว่า...ผ้าโบราณแต่ละผืนนั้น นอกจากจะบอกเล่าเรื่องราวทางวัฒนธรรมแล้ว ยังมีเรื่องราวและชีวิตจิตใจของผู้ทอแฝงอยู่ในผืนผ้าอีกด้วย

--------------------

 
www.broadcastthai.com